.jpg)
ขั้นการขอวีซ่านั้นเหมือนกับการขอวีซ่าท่องเที่ยว แต่จะแตกต่างกันที่เอกสารที่ใช้ยื่น โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุการเดินทางไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หากมีเล่มเก่า ให้นำเล่มเก่ามาแสดงด้วยในวันยื่นเอกสารขอวีซ่า (รายละเอียดการทำ Passport)
2. รูปถ่าย ขนาด 2X2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว ไม่สวมหมวก หน้าตรง ไม่สวมแว่นกันแดด ที่สำคัญต้องเห็นใบหูทั้งสองข้างอย่างชัดเจน ไม่ใส่ต่างหู แต่งกายสุภาพ เรียบร้อย ดูน่าเชื่อถือ ใช้รูปถ่าย 2 รูป และแสกนเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ 1 รูป ไฟล์ jpg เพื่อใช้ตอนกรอกแบบฟอร์ม DS-160
3. บัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้าน
4. ใบรับรองสถานภาพนักศึกษา พร้อม Transcript (ภาษาอังกฤษ) ออกโดยมหาวิทยาลัยที่ศึกษาอยู่ พร้อมตราประทับ
5. ใบรับรองความประพฤติ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
6. ใบรับรองทางการแพทย์ สามารถขอได้ที่โรงพยาบาล หรือคลินิค โดยใช้แบบฟอร์มที่โรงพยาบาลหรือคลินิคใช้อยู่
7. ประกันภัยการเดินทาง ที่ถูกกฏหมายของประเทศอเมริกา ครอบคลุมระยะเวลาในการเดินทาง และเลือกการประกันที่ครอบคลุมการดูแลทั้งเรื่องกระเป๋าเดินทาง อุบัติเหตุ สุขภาพ มีวงเงินไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท
8. เอกสาร DS-2019 ที่เจ้าของโครงการจากประเทศอเมริกาส่งมาให้
9. จดหมายแนะนำตัว อันนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีก็จะเป็นเรื่องที่ดี แสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นภูมิหลังของเราว่าเป็นใคร มาจากที่ไหน ทำงานอะไร เคยไปต่างประเทศที่ไหนมาบ้าง และจะไปทำอะไรที่อเมริกา (ตัวอย่างการเขียนจดหมายเพื่อใช้ในการขอวีซ่า)
10. บัญชีธนาคาร (ของผู้ปกครอง) ต้องมีเงินหมุนเวียนตลอด และมีเงินเพียงพอในการกิน อยู่ ใช้จ่าย ท่องเที่ยวในอเมริกา ให้ธนาคารออก Bank Statement และ Bank guarantee ระบุจำนวนเงินเป็น USD
11. เอกสารรับรองการทำงานของผู้ปกครอง (ภาษาอังกฤษ) ระบุตำแหน่งงาน เงินเดือน ระยะเวลาที่ทำงาน หากมีกิจการเป็นของตัวเอง สามารถใช้เอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของกิจการ โดยแปลเป็นภาษาอังกฤษ
12. เอกสารอื่นๆ เช่น ใบสมรส ใบเปลี่ยนชื่อ โฉนดที่ดิน สัญญาจดจำนอง ภาระผ่อนต่างๆ เอกสารที่แสดงภาระผูกพันกับประเทศไทย เป็นต้น
เมื่อเตรียมเอกสารต่างๆ ครบแล้ว ก็มาถึงขั้นตอน "กรอกแบบฟอร์มและนัดหมายเพื่อสัมภาษณ์วีซ่า" โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. เข้าไปที่เว็บ www.ustraveldocs.com/th และสร้างบัญชีผู้ใช้ เลือกประเภทของวีซ่าและค่าธรรมเนียมตามวีซ่าประเภทนั้นๆ ซึ่งจะได้แบบฟอร์มใบฝากเงินธนาคารที่มีรายละเอียดตามที่กรอก ให้พิมพ์แบบฟอร์มใบฝากเงินธนาคารนั้นออกมา
2. นำใบฝากเงินธนาคารที่ได้มาไปยังธนาคารกรุงศรีอยุธยา ณ สาขาตามที่กำหนดไว้เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมสมัครวีซ่า
3. การกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าประเภทชั่วคราว DS-160 เป็นแบบฟอร์ม Online ที่ต้องกรอกทาง Internet เท่านั้น เข้าไป ที่นี่ ดูคำแนะนำวิธีการกรอกแบบฟอร์มได้ ที่นี่ และดูรายละเอียดแบบฟอร์มที่แปลเป็นภาษาไทยได้ ที่นี่
4. เมื่อกรอกครบถ้วน เรียบร้อยแล้ว ให้ Print หน้า Confirmation DS-160 พร้อมหน้าที่กรอกทั้งหมดออกมาใส่แฟ้มรวมกับเอกสารข้างต้น
5. กำหนดนัดหมายวันสัมภาษณ์ทางอินเทอร์เน็ตที่ www.ustraveldocs.com/th หรือทางโทรศัพท์ผ่านศูนย์บริการที่ 02-105-4110
ุ6. ชำระค่า SEVIS FEE ราคา 200 $ SEVIS FEE: คือ ค่าธรรมเนียมการจัดการข้อมูลนักเรียนและบุคลากรต่างชาติ ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากนักเรียนต่างชาติ ผู้ยื่นคำขอวีซ่าประเภท F, M, หรือ J โดยทั่วๆ ไป หลังจากที่นักเรียนได้รับ I-20 หรือ DS-2019 ที่สถานศึกษาออกให้แล้ว นักเรียนต้องจ่าย SEVIS Fee ให้ US Department of Home Land Security ก่อนที่จะไปดำเนินเรื่องขอวีซ่า ณ สถานทูต สามารถจ่ายได้ทางไปรษณีย์หรือทางอินเทอร์เน็ต https://www.fmjfee.com/index.jhtml หากจ่ายทางไปรษณีย์ ให้ใช้แบบฟอร์มของ Homeland โดยส่งไปพร้อมภาพถ่ายเอกสาร I-20 หรือ DS-2019 ทั้งนี้ ให้เก็บหลักฐานการจ่ายเงินด้วย ในกรณีที่จ่ายทางอินเทอร์เน็ต ให้พิมพ์ใบเสร็จรับเงินค่า SEVIS Fee เก็บไว้อย่างน้อย 3 ชุด ชุดแรกให้กับสถานกงทูตเมื่อไปยื่นเรื่องขอวีซ่า ชุดที่สองติดตัวช่วงเดินทางไปอเมริกา . และชุดสุดท้ายเก็บเป็นหลักฐานของตนเองตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่ สถานศึกษาบางแห่งอาจเรียกเก็บ SEVIS Fee จากนักเรียนโดยตรง ซึ่งบางแห่งก็คิดค่าใช้จ่ายในการจัดการค่า SEVIS เพิ่มจากที่ต้องจ่ายให้ Home Land Security
1. เข้าไปที่เว็บ www.ustraveldocs.com/th และสร้างบัญชีผู้ใช้ เลือกประเภทของวีซ่าและค่าธรรมเนียมตามวีซ่าประเภทนั้นๆ ซึ่งจะได้แบบฟอร์มใบฝากเงินธนาคารที่มีรายละเอียดตามที่กรอก ให้พิมพ์แบบฟอร์มใบฝากเงินธนาคารนั้นออกมา
2. นำใบฝากเงินธนาคารที่ได้มาไปยังธนาคารกรุงศรีอยุธยา ณ สาขาตามที่กำหนดไว้เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมสมัครวีซ่า
3. การกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าประเภทชั่วคราว DS-160 เป็นแบบฟอร์ม Online ที่ต้องกรอกทาง Internet เท่านั้น เข้าไป ที่นี่ ดูคำแนะนำวิธีการกรอกแบบฟอร์มได้ ที่นี่ และดูรายละเอียดแบบฟอร์มที่แปลเป็นภาษาไทยได้ ที่นี่
4. เมื่อกรอกครบถ้วน เรียบร้อยแล้ว ให้ Print หน้า Confirmation DS-160 พร้อมหน้าที่กรอกทั้งหมดออกมาใส่แฟ้มรวมกับเอกสารข้างต้น
5. กำหนดนัดหมายวันสัมภาษณ์ทางอินเทอร์เน็ตที่ www.ustraveldocs.com/th หรือทางโทรศัพท์ผ่านศูนย์บริการที่ 02-105-4110
ุ6. ชำระค่า SEVIS FEE ราคา 200 $ SEVIS FEE: คือ ค่าธรรมเนียมการจัดการข้อมูลนักเรียนและบุคลากรต่างชาติ ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากนักเรียนต่างชาติ ผู้ยื่นคำขอวีซ่าประเภท F, M, หรือ J โดยทั่วๆ ไป หลังจากที่นักเรียนได้รับ I-20 หรือ DS-2019 ที่สถานศึกษาออกให้แล้ว นักเรียนต้องจ่าย SEVIS Fee ให้ US Department of Home Land Security ก่อนที่จะไปดำเนินเรื่องขอวีซ่า ณ สถานทูต สามารถจ่ายได้ทางไปรษณีย์หรือทางอินเทอร์เน็ต https://www.fmjfee.com/index.jhtml หากจ่ายทางไปรษณีย์ ให้ใช้แบบฟอร์มของ Homeland โดยส่งไปพร้อมภาพถ่ายเอกสาร I-20 หรือ DS-2019 ทั้งนี้ ให้เก็บหลักฐานการจ่ายเงินด้วย ในกรณีที่จ่ายทางอินเทอร์เน็ต ให้พิมพ์ใบเสร็จรับเงินค่า SEVIS Fee เก็บไว้อย่างน้อย 3 ชุด ชุดแรกให้กับสถานกงทูตเมื่อไปยื่นเรื่องขอวีซ่า ชุดที่สองติดตัวช่วงเดินทางไปอเมริกา . และชุดสุดท้ายเก็บเป็นหลักฐานของตนเองตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่ สถานศึกษาบางแห่งอาจเรียกเก็บ SEVIS Fee จากนักเรียนโดยตรง ซึ่งบางแห่งก็คิดค่าใช้จ่ายในการจัดการค่า SEVIS เพิ่มจากที่ต้องจ่ายให้ Home Land Security
7. สุดท้ายก่อนไปสัมภาษณ์ ให้ตรวจเช็คเอกสารอีกครั้งว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ จากนั้นจัดเรียงเอกสารใส่แฟ้ม ให้เรียงเอกสารดังนี้
สถานที่ยื่นขอวีซ่า
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
95 ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ 10330
- นำพาสปอร์ตและรูปถ่ายไว้หน้าสุด
- ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า
- ใบเสร็จรับเงินค่า SEVIS Fee
- เอกสาร DS-2019
- ใบนัดหมายการสัมภาษณ์ (Appointment Confirmation)
- ใบ Confirmation DS-160
- สำเนาพาสปอร์ตหน้าแรก และทุกหน้าที่มีการประทับตราวีซ่า พร้อมลายเซ็นต์กำกับ
- ใบรับรองสถานภาพนักศึกษา พร้อม Transcript
- ใบรับรองความประพฤติ
- ใบรับรองทางการแพทย์
- ประกันภัยการเดินทาง
- เอกสารรับรองทางเงินของผู้ปกครอง
- เอกสารรับรองการทำงานของผู้ปกครอง
- สุดท้ายจดหมายแนะนำตัว
สถานที่ยื่นขอวีซ่า
ในประเทศไทยสามารถยื่นขอวีซ่าอเมริกาได้ 2 แห่ง คือ ที่กรุงเทพและเชียงใหม่ คนที่จะสามารถสัมภาษณ์วีซ่าที่เชียงใหม่ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่อาศัย ทำงาน หรือเรียน ในจังหวัดดังต่อไปนี้ ได้แก่ เชียงใหม่, ลำพูน, พะเยา, สุโขทัย, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, พิจิตร, ตาก, กำแพงเพชร, น่าน, พิษณุโลก, อุตรดิตถ์, ลำปาง, เพชรบูรณ์, แพร่ โดยต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าได้พำนักหรือทำงานหรือศึกษาไม่น้อยกว่า 3 เดือนในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
95 ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ 10330
สถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ประจำเชียงใหม่
387 ถ.วิชยานนท์ ต.ช้างม่อย อ.เมือง เชียงใหม่ 50300
หมายเหตุ: สำหรับคนที่มีทะเบียนบ้านที่เชียงใหม่่ แต่ทำงานกรุงเทพหรือจังหวัดอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวข้างต้น ไม่สามารถสัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ได้ ต้องสัมภาษณ์ที่กรุงเทพเท่านั้น
จากนั้นมาถึงขั้นตอนที่น่าตื่นเต้น "ยื่นเอกสารและสัมภาษณ์" มีคำแนะนำดังนี้
1. ตื่นนอนแต่เช้า ทำใจให้สบาย
2. อาบน้ำ แต่งกายให้สุภาพ เรียบร้อย ดูน่าเชื่อถือ ห้ามใส่กางเกงยีนส์ ผู้ชายควรใส่สูท ผูกไท รองเท้าหนัง ส่วนผู้หญิงกางเกงหรือกระโปง ที่สุภาพ ห้ามใส่กระโปรงสั้น รองเท้าควรเป็นรองเท้าหุ้มส้น
3. ควรไปถึงก่อนเวลานัดหมาย 1 ชั่วโมง
4. เมื่อมาถึงแล้วให้ต่อคิวรออยู่หน้าสถานทูต จากนั้นจะมีพนักงานมาตรวจเอกสารและเวลานัดหมาย
5. เตรียมตัวผ่านจุดตรวจเพื่อรักษาความปลอดภัย – อาวุธ ของมีคม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งโทรศัพท์มือถึง ไม่สามารถนำเข้ามาในสถานทูตฯ ได้ ให้ฝากไว้ที่พนักงานรักษาความปลอดภัย โดยยื่นอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้บัตรหมายเลขฝากไว้เพื่อมารับของคืนเมื่อสัมภาษณ์เสร็จ
387 ถ.วิชยานนท์ ต.ช้างม่อย อ.เมือง เชียงใหม่ 50300
หมายเหตุ: สำหรับคนที่มีทะเบียนบ้านที่เชียงใหม่่ แต่ทำงานกรุงเทพหรือจังหวัดอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวข้างต้น ไม่สามารถสัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ได้ ต้องสัมภาษณ์ที่กรุงเทพเท่านั้น
จากนั้นมาถึงขั้นตอนที่น่าตื่นเต้น "ยื่นเอกสารและสัมภาษณ์" มีคำแนะนำดังนี้
1. ตื่นนอนแต่เช้า ทำใจให้สบาย
2. อาบน้ำ แต่งกายให้สุภาพ เรียบร้อย ดูน่าเชื่อถือ ห้ามใส่กางเกงยีนส์ ผู้ชายควรใส่สูท ผูกไท รองเท้าหนัง ส่วนผู้หญิงกางเกงหรือกระโปง ที่สุภาพ ห้ามใส่กระโปรงสั้น รองเท้าควรเป็นรองเท้าหุ้มส้น
3. ควรไปถึงก่อนเวลานัดหมาย 1 ชั่วโมง
4. เมื่อมาถึงแล้วให้ต่อคิวรออยู่หน้าสถานทูต จากนั้นจะมีพนักงานมาตรวจเอกสารและเวลานัดหมาย
5. เตรียมตัวผ่านจุดตรวจเพื่อรักษาความปลอดภัย – อาวุธ ของมีคม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งโทรศัพท์มือถึง ไม่สามารถนำเข้ามาในสถานทูตฯ ได้ ให้ฝากไว้ที่พนักงานรักษาความปลอดภัย โดยยื่นอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้บัตรหมายเลขฝากไว้เพื่อมารับของคืนเมื่อสัมภาษณ์เสร็จ
6. เจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋า พร้อมแสกนรอบๆตัว
7. เดินเข้าไปในสถานทูต ยื่นเอกสารให้พนักงาน จากนั้นพนักงานจะให้เอกสารแผ่นเล็กๆ บางคนได้รับสีขาว บางคนได้รับสีเหลือง แตกต่างกัน กรอกชื่อ ที่อยู่ที่ และเบอร์โทรศัพท์ และยื่นบัตรคิวให้
8. นั่งรอ จนกว่าจะมีคนเรียก เมื่อมีคนมาเรียก เดินเข้าไปในห้องเพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือ
9. จากนั้นพนักงานจะบอกว่าไปต่อแถวไหน เพื่อสัมภาษณ์
10. การสัมภาษณ์นั้นจะมีสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ คำถามส่วนใหญ่ก็จะถามว่า
- แนะนำตัว
- อยู่ทีไหน
- ไปที่ไหน
- ไปกี่วัน
- เดินทางวันไหน กลับวันไหน
- ทำไมถึงเลือกไปเมืองนั้น
- ใครเป็นคนออกเงินให้
- ไปกี่คน คนเดียว หรือมีเพือนไปด้วย
- เรียนทีไหน คณะอะไร จบมาแล้วจะทำอะไร
- เคยได้วีซ่าอเมริกาหรือยัง
- นอกจากนี้ก็จะถามถึงว่าเคยไปเที่ยวประเทศไหนมาบ้าง
- เล่าประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวประเทศนั้นๆ
- พูดได้กี่ภาษา อะไรบ้าง
- เคยโดนปฏิเสธวีซ่าไหม
- พ่อ แม่อยู่ไหน ทำงานอะไร
11. คอยฟังคำถามให้ดี ตอบให้ชัดเจน หากไม่เข้าใจคำถามขอให้ทวนคำถามอีกรอบ
12. เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ หากวีซ่าผ่านจะไม่คืนพาสปอร์ต แต่จะให้ใบเอกสารเล็กๆ สีขาวหรือเหลืองที่เรากรอกไปข้างต้น แล้วบอกว่าให้เอาไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ด้านนอก
13. จ่าหน้าซองจดหมายถึงตัวเอง จากนั้นชำระเงิน 75 บาท
14. เดินออกสถานทูต อย่าลืมรับของที่ฝากไว้
15. กลับบ้านเพื่อรอรับพาสปอร์ตพร้อมวีซ่า ประมาณ 3-5 วันก็จะได้รับวีซ่า
16. กรณีที่วีซ่าถูกปฏิเสธผู้ขอวีซ่าจะได้รับใบแจ้งเหตุผล และมีสิทธิที่จะยื่นขอสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา อีกครั้งเมื่อใดก็ได้ ในการสมัครวีซ่าใหม่ ผู้ขอวีซ่ายังคงต้องปฏิบัติตามกระบวนการทั้งหมด กรอกแบบฟอร์มการสมัครใหม่ ชำระค่าธรรมเนียมการสมัครวีซ่าอีกครั้ง
17. การขอวีซ่าใหม่โดยที่ยังขาดหลักฐานที่หนักแน่นและมีนัยสำคัญที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ของผู้ขอวีซ่า อาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการพิจารณาอนุมัติวีซ่าได้
หมายเหตุ: หากสัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ ให้ซื้อซองไปรษณีย์ไปก่อนวันสัมภาษณ์ บอกเจ้าหน้าที่ว่าซื้อซองไปรษณีย์เพื่อสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา สามารถซื้อได้ทีไปรษณีย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสาขาแม่ปิง
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นคำร้องขอวีซ่า การกรอกแบบฟอร์ม DS-160 การเตรียมหลักฐาน และการสัมภาษณ์ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://thai.bangkok.usembassy.gov
ตอบทุกข้อสงสัย คลายทุกปัญหาเกี่ยวกับวีซ่าอเมริกา ที่นี่ สำหรับคนที่สนใจข้อมูลการยื่นขอกรีนการ์ดด้วยตนเอง สามารถอ่านรายละเอียดได้ ที่นี่
ขอให้ทุกคนโชคดีได้รับวีซ่าไปทำงานและท่องเที่ยวที่อเมริกาอย่างสนุกสนาน