แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทำงานอเมริกา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทำงานอเมริกา แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรียนต่อกับมหาวิทยาลัยระดับโลก พร้อมฝึกงานกับดิสนีย์ (Disney)

บทความก่อนหน้านี้ ทำงานที่สวนสนุกดิสนีย์กับโครงการ "Disney Summer Work Experience" ได้พูดถึงการฝึกงานกับ Walt Disney World Resort (WDW) ท่องเที่ยว และใช้ชีวิตในดิสนีย์เป็นระยะเวลา 3 เดือน บทความนี้จะพูดถึงโครงการอีกโครงการหนึ่งที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้เรียนกับมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง University of Central Florida, Rosen College of Hospitality Management (อ่านข้อมูลมหาวิทยาลัยและหลักสูตรเพิ่มเติมได้ ที่นี่พร้อมฝึกงานกับ Walt Disney World, Florida เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งเปิดรับสมัครโดย Rocha's Overseas Education (London House) ตัวแทนอย่างเป็นทางการแห่งเดียวในประเทศไทย

โครงการ Graduate Certificate in Hospitality Management มีข้อดี คือได้ทั้งเรียน เมื่อจบหลักสูตรจะได้รับวุฒิ Graduate Certificate in Hospitality Management และฝึกงานไปพร้อมๆ กัน ได้ทั้งค่าจ้างในการทำงาน ความรู้ด้านการจัดการ การท่องเที่ยวและโรงแรม ได้ประสบการณ์ด้านการทำงาน ได้พัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ ได้ท่องเที่ยวและใช้ชีวิตในดิสนีย์ ได้พบเจอเพื่อนจากหลากหลายเชื้อชาติที่เข้าร่วมโครงการและทำงานในสวนสนุกดิสนีย์ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย ได้ฝึกใช้ชีวิตในต่างแดน เรียนรู้สิ่งใหม่ เปิดโลกทัศน์และความคิดของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมาก

โดยคุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ คือ ต้องจบปริญญาตรีด้านธุรกิจ, การท่องเที่ยว, การโรงแรม หรือสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง และมีคะแนนสอบภาษาอังกฤษ TOEFL ( Paper 550, Computer 220, Internet 80 ) 

การเรียนนั้นจะเรียนที่ Rosen College of Hospitality, University of Central Florida เรียนทั้งหมด 12 หน่วย ( 9 จากการเรียน/ 3 จากการทำงาน ณ Walt Disney World ) อาทิตย์ละ 1วันในวันศุกร์ ส่วนการทำงานนั้นก็จะทำที่ Walt Disney World Resort (WDW) โดยจะสามารถเลือกงานได้หลังจากลงเรียนแล้ว ค่าจ้างในการทำงานขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำ โดยจะหยุดงานอาทิตย์ละ 2 วัน 

มาถึงเรื่องทางที่พัก ทางดิสนีย์ได้จัดเตรียมที่พักให้สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ โดยพักในหมู่บ้านของดิสนีย์ เป็นอพาร์ทเมนต์ หนี่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น สามห้องนอนมีห้องน้ำในตัว หนึ่งห้องมีสองเตียง ดังนั้นในหนึ่งอพาร์ทเมนต์ก็จะพักด้วยกันหกคน ในหมู่บ้านนั้นก็จะมีสระว่ายน้ำ และฟิตเนสให้บริการฟรี นอกจากนี้ก็จะเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ตู้เอทีเอ็ม กล่องรับจดหมายและพัสดุ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ให้คำแนะนำเรื่องการรับส่ง พัสดุ และจดหมาย 

การพักที่หมู่บ้านของดิสนีย์จะทำให้เราได้เจอเพื่อนๆ จากหลากหลายเชื้อชาติทั่วโลกที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ไต้หวัน, จีน, เวียดนาม, เกาหลี, ญี่ปุ่น, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เปรู, ชิลี, และเม็กซิโก เป็นต้น ถือเป็นโอกาสดีในการเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม และภาษาที่หลากหลาย 

ส่วนเรื่องการเดินทางไปเรียน ไปทำงาน และซื้อของนั้น ทางดิสนีย์ก็ได้จัดรถรับส่งจากที่พักไปยังที่ทำงาน มหาวิทยาลัย และไปซื้อของใช้ อาหาร เสื้อผ้า สิ่งของที่จำเป็นที่ Walmart และ Publix โดยเจ้าหน้าที่ดิสนีย์จะแจกตารางเวลารถ และรายละเอียดของรถแต่ละสายก่อนที่จะเข้าพักในหมู่บ้าน 

โครงการนี้จะเปิดรับสมัคร 2 ครั้งต่อปี คือ ช่วง Spring : มกราคม – กรกฎคม และ Fall : กรกฎาคม – มกราคม สามารถสมัครออนไลน์ (Online) ได้ที่ www.londonhouse-cm.com โดยเตรียมเอกสารเข้าร่วมโครงการดังนี้ ใบสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี  ใบแสดงผลการเรียน (Transcript) และผลคะแนนผลสอบ TOEFL

การเข้าร่วมโครงการมีค่าใช้จ่ายดังนี้ (ข้อมูลจาก www.londonhouse-cm.com )

 ค่าใช้จ่าย โดยประมาณ
 ค่าเล่าเรียน $ 3800.00 ( ประมาณ 135,000.00 บาท)
 ค่าสมัคร $ 30.00 (ประมาณ 1050.00 บาท) ไม่สามารถคืนได้
 ค่าวีซ่า ประมาณ 6000.00 บาท
 ค่า Sevis Fee $ 200.00 (ประมาณ 7000.00 บาท)
 ค่าประกันชีวิต $ 400 (ประมาณ 14000.00 บาท) Group Insurance ซื้อผ่านมหาลัย
 ตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 55000.00 บาท
นักศึกษาควรมี Bank Statement ในชื่อของตัวเองประมาณ 200,000 บาท ขณะสมัครเรียนและยื่นขอ I-20


สำหรับคนสนใจการทำงาน และการใช้ชีวิตที่ดิสนีย์ พร้อมท่องเที่ยวที่ Orlando หรือสนใจโครงการ Disney Summer Work Experience สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติม

โรงเรียนภาษาอังกฤษ ลอนดอนเฮ้าส์
74/2 ถ. เวียงแก้ว ต. ศรีภูมิ อ. เมือง จ. เชียงใหม่
โทร: 053-416374
แฟ็กซ์ : 053 416003
Email: info@londonhouse-cm.com
Website: www.londonhouse-cm.com


ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก: www.londonhouse-cm.com

วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555

ทำงานที่อเมริกากับโครงการ "Au pair"

การเลี้ยงเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ถ้าใครที่รักเด็ก ชอบเลี้ยงเด็ก มีความสุขที่ได้อยู่กับเด็กๆ และชอบเดินทางท่องเที่ยว พร้อมศึกษาต่อในต่างประเทศ โครงการ "Au pair" อเมริกา ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ได้ประโยชน์หลายอย่าง ทั้งประสบการณ์การทำงาน ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติ ฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เดินทางท่องเที่ยว เปิดหู เปิดตา เปิดโลกใหม่ให้กับตัวเอง และศึกษาต่อในต่างประเทศ 

โครงการ "Au pair" อเมริกา เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนจากนานาประเทศได้มาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านการทำงานเลี้ยงเด็ก พร้อมมีรายได้จากการทำงาน


คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

1. อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และไม่เกิน 27 ปี นับวันที่บินเข้าประเทศอเมริกา กรณีอายุ 26 ปีสามารถสมัครได้ แต่ต้องบินเข้าประเทศอเมริกาก่อนอายุ 27
2. การศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาปีที่ 6 (ส่วนใหญ่เอเจนซี่จะรับคนที่จบหรือเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรีเพศหญิง สำหรับเพศชายบางเอเจนซี่อาจรับ)
3. มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กอายุต่ำกว่าสองขวบไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง
4. สุขภาพร่างกายแข็งแรง วิ่งตามเด็ก และเล่นกับเด็กได้ไม่เหนื่อย
5. ไม่เป็นโรคติดต่อที่จะนำไปติดต่อกับเด็กหรือครอบครัวทีจะอยู่ด้วย
6. ไม่มีประวัติอาชญกรรม
7. ไม่เคยเข้าร่วมโครงการมาก่อน


หลักฐานการสมัครเข้าร่วมโครงการ

1. ใบสมัคร
2. แบบฟอร์มการตรวจสุขภาพ อ่านกระทู้เพื่อนๆ ตรวจสุขภาพที่ไหนกันบ้าง
3. แบบฟอร์มรับรองบุคลิกภาพ อย่างน้อยสองฉบับ จากคนที่ไม่ใช่ญาติ อาจจะเป็นจากครู นายจ้าง
4. แบบฟอร์มรับรองการเลี้ยงเด็ก อย่างน้อยสองฉบับ จากคนที่รับผิดชอบเราตอนเราเลี้ยงเด็ก ดูตัวอย่างได้ ที่นี่
5. จดหมายแนะนำตัว (Dear host family) ดูตัวอย่างได้ ที่นี่
6. ใบประกาศ First Aid and CPR (ถ้ามี)
7. ใบขับขี่ (ถ้ามี)
8. รูปภาพถ่ายกับเด็กที่เลี้ยง และรูปภาพถ่ายเกี่ยวกับตัวเราในกิจกรรมทั่วๆ ไป พร้อมบรรยายภาพว่าสื่อถึงอะไร หรือภาพนี้พิเศษอย่างไรถึงเลือกมา
9. สำเนาใบรับรองความประพฤติ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ่านวิธีการขอใบรับรองความประพฤติ
10. สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport)  อ่านรายละเอียดได้ ที่นี่


ขั้นตอนการสมัคร

1. ติดต่อเอเจนซี่ โดยมีรายชื่อเอเจนซี่แนะนำ ที่นี่
2. จากนั้นทดสอบภาษาอังกฤษและสัมภาษณ์ หากผ่านขั้นตอนนี้ก็จะได้รับสมัครเข้าร่วมโครงการ สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กก็สามารถซื้อใบสมัครได้ แล้วค่อยไปเก็บประสบการณ์ทีหลัง หากคยมีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาก่อน ก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่เอเจนซี่ทราบเพื่อจะได้พิจารณาจำนวนชั่วโมงพอเพียงกับที่ทางเอเจนซี่ต้องการหรือไม่ และวัยที่ได้เคยเลี้ยงมาตรงตามที่ต้องการหรือไม่
3. หลังจากยื่นเอกสารแล้ว ก็รอการติดต่อจาก Host Family ระยะเวลาการรอนั้นไม่เกินสามเดือนหลังจากยื่นใบสมัคร โดยผู้สมัครมีสิทธ์เลือกครอบครัวที่เหมาะสมเอง และเลือกวัยเด็กที่จะดูแล รัฐที่จะอยู่ หรือสวัสดิการที่แต่ละบ้านให้พิเศษ ขั้นตอนนี้สามารถใช้เวลาได้นานในการพิจารณา เพื่อเลือกครอบครัวที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับเรา เมือไปที่อเมริกาแล้ว หากต้องการเปลี่ยนครอบครัวจะมีเวลาจำกัด และถ้าเอเจนซี่ี่ไม่มีครอบครัวให้เปลี่ยน ก็ต้องทำใจว่าได้กลับเมืองไทยแน่นอน ดังนั้น ควรเลือกครอบครัวด้วยความระมัดระวัง และอ่านรายละเอียดข้อมูลการเลือกครอบครัว พร้อมสอบถามผู้ที่เคยมีประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการมาก่อน ทั้งนี้เพื่อการเตรียมตัวที่ดี และสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น มั่นใจมากขึ้น
4. เมื่อผู้สมัครโครงการได้ Host Family เป็นที่เรียบร้อย ทางเอเจนซี่จะออกเอกสารสำคัญที่ชื่อว่า DS-2019 ให้เพื่ออาไปยื่นขอวีซ่า โดยวีซ่าที่จะได้รับคือ วีซ่า J-1 นักเรียนแลกเปลี่ยน มีอายุ 1 ปี อ่านรายละเอียดการขอวีซ่าได้ ที่นี่
5. เมื่อได้วีซ่าแล้วก็เตรียมจัดกระเป๋าเดินทาง ดูรายละเอียดได้ ที่นี่
6. สำหรับเรื่องตั๋วเครื่องบินนั้นทางเอเจนซี่จะเป็นคนจัดการให้
7. เมื่อมาถึงอเมริกาแล้วผู้เข้าร่วมโครงการต้องเข้าปฐมนิเทศน์ก่อน ประมาณ 3-4 วัน ส่วนสถานที่ปฐมนิเทศแต่ละเอเจนซี่จะแตกต่างกัน บางทีก็จัดทีนิวยอร์ก บางทีก็จัดที่ซานฟรานซิสโก เป็นต้น ซึ่งการปฐมนิเทศน์นั้นจะทำให้ได้พบเจอเพื่อนจากชาติอื่นๆ หลังจากปฐมนิเทศน์ก็เดินทางเข้าสู่บ้าน Host Family และเริ่มต้นชีวิตการเป็น Au pair อย่างเต็มรูปแบบ 

ค่าใช้จ่าย

1. ค่าใช้จ่ายค่าหลัก โดยทั่วไป ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องจ่าย มีดังต่อไปนี้
- ค่าทดสอบก่อนซื้อใบสมัคร (เป็นเรื่องของการทดสอบภาษาอังกฤษ และจิตวิทยา ส่วนใหญ่ประมาณ 200 บาท)
- ค่าใบสมัคร (แต่ละเอเจนซี่ขายใบสมัครไม่เท่ากัน 3,500 -7,000 บาท )
- ค่าเข้าร่วมโครงการออแพร์ จ่ายเมื่อผู้สมัครตกลงทำงานกับครอบครัว แต่ละเอเจนซี่ราคาไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่แไม่เกิน 1,000 USD
- ค่าธรรมเนียมขอวีซ่า จ่ายตอนยื่นคำร้องขอจองวันสัมภาษณ์ประมาณ 400 บาทและค่าขอวีซ่า จำนวน 4,454 บาท


2. ค่าใช้จ่ายรอง ได้แก่

- ค่าเดินทางเข้าเอเจนซี่เพื่อทำธุระต่างๆ
- ค่าดำเนินการเอกสารต่างๆ เช่น ใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่รถยนต์สากล ใบรับรองการศึกษา ใบรับรองการทำงาน เป็นต้น  
- หนังสือเดินทาง (Passport) 
- ค่าแปลเอกสาร (ในกรณีจ้างแปลเอกสาร)


สิ่งที่ได้รับ

1. ค่าแรงจากการทำงานสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 176.85 USD ต่อการทำงานไม่เกิน 45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
2. ได้รับการสนับสนุนค่าเล่าเรียนจาก Host Family สูงสุดไม่เกิน 500 เหรียญ
3. ได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดพักร้อนสองอาทิตย์ที่ได้รับค่าแรงตามปกติ
4. ด้วยวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยน นับจากวันทีวีซ่าหมดอายุ สามารถอยู่ต่อในประเทศได้อีก 30 วันอย่างถูกต้องตามกฏหมายเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศอเมริกา 



โครงการ Au pair ไม่ได้มีแค่เฉพาะในประเทศอเมริกา แต่ยังมีในประเทศอื่นๆ เช่น เบลเยี่ยม สวีเดน ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เยอรมนี สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

หากต้องการอ่านข้อมูลประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการ การเตรียมเอกสาร การขอวีซ่า การทำงาน การเลี้ยงเด็ก และการใช้ชีวิตในต่างประเทศ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ 

สามารถหาข้อมูลโครงการเพิ่มเติมเพื่อเตรียมตัวก่อนการเข้าร่วมโครงการ ได้ที่ www.thaiaupairclub. ซึ่งจัดทำโดยคุณธัญญ่า สาวไทยที่มีความรู้ ประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการ จากนั้นได้จัดทำเว็บไซต์เพื่อเป็นชุมชนสำหรับเผยแพร่ข้อมูลโครงการ Au pair พร้อมการแนะนำสิ่งควรรู้เพื่อเป็นประโยชน์ ต่อการเข้าร่วมโครงการ และเป็นศูนย์รวมในการ ถาม ตอบปัญหาต่างๆ ที่มีต่อโครงการ 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก www.thaiaupairclub.com

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

ทำงานที่สวนสนุกดิสนีย์ "Disney Summer Work Experience"

หากกล่าวถึง "สวนสนุกดิสนีย์" แล้ว เชื่่อแน่ว่าหลายๆ คนคงรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ตื่นมาแต่เช้าเพื่อดูการ์ตูนดิสนีย์ และฝันว่าสักวันจะมีโอกาสไปพบเจอตัวการ์ตูนเหล่านั้น และท่องเที่ยวในดินแดนของดิสนีย์สักครั้ง และแล้ววันนี้ความฝันของเด็กไทยหลายๆ คนก็ไม่ไกลเกินจริง เมื่่อ Walt Disney World Resort ได้เปิดโอกาสให้เด็กไทยได้ไปท่องเที่ยว ใช้ชีวิต และทำงานที่สวนสนุกดิสนีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลา 3 เดือน ประมาณช่วงเดือนมีนาคมจนถึงพฤษภาคม ในโครงการ "Disney International Programs" ซึ่งเปิดรับสมัครโดย Rocha's Overseas Education (London House) ตัวแทนอย่างเป็นทางการแห่งเดียวในประเทศไทย

รายละเอียดการทำงาน

1. ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร แต่ละปีตำแหน่งที่เปิดรับอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่หลักๆ จะเป็นรับดังนี้ Lifeguard ดูแลความเรียบร้อย และความปลอดภัยในบริเวณสระน้ำ, Merchandise ขายของ, Quick Service Food & Beverage ขายอาหารและเครื่องดื่ม และ Park Operation ต้อนรับหน้าประตูเข้า และตรวจตั๋ว หากได้ทำงานตำแหน่งนี้ใน Magic Kingdom ก็จะได้รับหน้าที่อีกหน้าที่หนึ่ง คือ การดูแลความเรียบร้อย ปลอดภัยของขบวนพาเหรด ซึ่งเรียกตำแหน่งนี้ว่า Parade Audience Control 
2. สถานที่ทำงาน มีหลากหลาย ได้แก่ Magic Kingdom, Animal Kingdom, Epcot, Hollywood Studio สวนน้ำ รีสอร์ทและโรงแรมของดิสนีย์ โดยทางดิสนีย์จะเป็นผู้เลือกสถานที่ทำงานให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งการทำงานนั้นอาจทำในหลายๆ ที่สับเปลี่ยนกันไป หรือทำแค่ที่ใดที่หนึ่่งเพียงแห่งเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงาน 
3. เวลาการทำงาน ขั้นต่ำ 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์, ปกติประมาณ 40-45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น อีสเตอร์ คริสต์มาส ก็จะได้รับชั่วโมงทำงานเพิ่มขึ้น และสามารถทำ Second Job ได้ ซึ่งจะทำให้ชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มขึ้น 
4. ค่าจ้าง ประมาณ $7.21 - $8.48 ต่อชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำ 

ความโดดเด่น และข้อแตกต่างของโครงการ


Disney International Programs
โปรแกรมอื่น
มีผู้รับผิดชอบตัวโครงการที่แน่นอนไม่มีผู้รับผิดชอบตัวโครงการ
ไม่มีค่าแรกเข้าโครงการค่าแรกเข้า 30,000 – 50,000 บาท
ทาง Disney  มีตำแหน่งงานรองรับ 100%บางบริษัทไม่สามารถหางานรองรับให้กับนักเรียนได้ก่อนออกเดินทาง
ทำงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งสามารถอ้างอิงใน CV เพื่อการสมัครงานในอนาคตบริษัทไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
ทุกคนจะได้รับการอบรบลักษณะงานก่อนเข้าทำงานนักเรียนไม่ได้รับการอบรมก่อนการทำงานขององค์กร
มีสถานที่พักอาศัยอย่างแน่นอน โดยมีที่พักที่ถูกสุขลักษณะ ทันสมัย เป็นสากลทางบริษัทไม่จัดหาที่พักอาศัยให้นักเรียน หรือที่พักไม่มีมาตรฐาน
จัดเจ้าหน้าที่ประจำที่พัก ดูแลความปลอดภัย และอำนวย ความสะดวกแก่นักเรียนตลอด  24  ชั่วโมงความปลอดภัยในที่พักอาศัยไม่เพียงพอ
มีเจ้าหน้าที่ของทาง Disney ดูแล ระหว่างทำงานไม่มีเจ้าหน้าที่
อ้างอิงข้อมูลจาก: http://www.londonhouse-cm.com/index.html

คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ

1. อายุระหว่าง 18-28 ปี สถานภาพโสด
2. กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีเท่านั้น (ไม่รับปริญญาโท)
3. มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ดี และมีเกรดที่ดีในวิชาภาษาอังกฤษ 
4. เกรดเฉลี่ยโดยรวมไม่ต่ำกว่า 2.5
5. มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมโครงการและเข้าใจวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นอย่างดี
6. ชายไทยต้องไม่ติดรายงานตัวเกณฑ์ทหารในเดือนเมษายน หากจะต้องติดรายงานตัว นักศึกษาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการยื่นขอผ่อนผันด้วยตัวเอง และแสดงใบผ่อนผันภายในวันที่ 15 ธันวาคม ก่อนยื่นขอวีซ่า ทางโครงการจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น



ขั้นตอนการรับสมัคร

1. ขั้นตอนแรกนักศึกษาทุกคนต้อง สมัคร on-line ที่ www.londonhouse-cm.com
2. จะได้รับ Email ตอบยืนยัน ภายใน 48 ชั่วโมง และรายละเอียดเกี่ยวกับการสัมภาษณ์รอบแรก ในเดือนสิงหาคม
3. เตรียมเอกสารที่ใช่ในการสมัครให้ครบ
4. สัมภาษณ์รอบแรกในเดือนสิงหาคม
5. หากผ่านรอบแรก สัมภาษณ์รอบสุดท้ายในเดือนกันยายน
6. เมื่อผ่านสัมภาษณ์รอบสุดท้ายแล้ว เตรียมตัวทำวีซ่า J1 ในเดือนธันวาคม หรือมกราคม (ดูรายละเอียดการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่า และขั้นตอนการทำวีซ่า ที่นี่)
7. เมื่อสัมภาษณ์วีซ่าผ่าน เตรียมตัวเดินทางในเดือนมีนาคม 

เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการสมัครเข้าร่วมโครงการ 

1. ใบรับรองการเป็นนักศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ (Proof of student status) 
2. รูปถ่าย 2 รูป
3. สำเนา Passport ที่มีอายุการเดินทางเกิน 6 เดือน
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. สำเนาบัตรนักศึกษา
6. Resume (ประวัติส่วนตัวและประวัติการทำงาน) ตัวอย่าง

ค่าใช้จ่าย

ข้อดีของโครงการนี้คือ ผู้เข้าร่วมโครงการไม่ต้องเสียค่าสมัครเข้าร่วมโครงการ แต่ในโครงการอื่นๆ จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 100,000 ถึง 150,000 บาทต่อครั้ง  แต่ผู้เข้าร่วมจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนตัวไม่เกิน 85,000 บาท มีรายละเอียดดังนี้
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ Bangkok – Orlando (ประมาณ 55,000 บาท สามารถเลือกเดินทางกับทางโครงการได้)
2. ค่าประกันสุขภาพ/อุบัติเหตุ (ประมาณ 6,300 บาท / ต้องซื้อผ่านทางโครงการเท่านั้น)
3. ค่า Visa Application Fee 6,900 บาท (ไม่รวมรูป)
4. Community Fee บ้านส่วนกลาง 3,200 บาท
5. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 10,000 บาท
6. ค่ารองเท้าใช้ทำงาน ประมาณ 700 – 1000 บาท (ซื้อที่ USA)

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทาง

1. หนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมวีซ่า
2. เงินติดตัวเพื่อใช้จ่ายก่อนเริ่มทำงาน และซื้อของใช้ที่จำเป็น ประมาณ 10,000-30,000 บาท
3. ยาประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสีย เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อใช้ในยามเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ 
4. วิตามินบำรุงร่างกาย 
5. หนังสือท่องเที่ยวเมือง Orlando, USA เพื่อใช้เป็นไกด์นำเที่ยวในวันหยุดพักผ่อน
6. ผงปรุงรส เครื่องปรุงอาหารไทย เช่น เครื่องต้มยำ แกงเขียวหวาน ต้มข่าไก่ ผัดเปรี้ยวหวาน เป็นต้น แนะนำยี่ห้อโลโบ นอกจากนี้ควรเตรียมอาหารแห้ง มาม่า โจ๊ก ปลากระป๋อง รวมไปถึงนม และโอวัลติน ไว้กินยามเช้าก่อนเริ่มทำงาน
7. ผ้าปูที่นอน หมอน และผ้าห่ม ต้องเตรียมไปเอง ทางดิสนีย์ไม่ได้เตรียมให้ (สามาถซื้อที่อเมริกา แต่แพงมาก) 
8. เสื้อผ้าเพื่อใช้ในวันหยุดพักผ่อน แนะนำให้เป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบาย เหมาะกับเมืองร้อนอย่าง Orlando แต่ทั้งนี้ควรมีเสื้อกันหนาวไว้สักตัว เพราะช่วงเดือนเมษายน ฝนจะตกหนัก อากาศจะเย็นมากในช่วงเช้าและกลางคืน
9. รองเท้าผ้าใบ รองเท้าแตะ รองเท้าส้นสูง และรองเท้าที่สุภาพเพื่อใส่กับชุดสุภาพในวันปฐมนิเทศ
10. เสื้อผ้าที่เป็นทางการ เพื่อใช้ใส่ในวันปฐมนิเทศ ผู้หญิงควรใส่กระโปรงและสวมถุงน่อง หรือถ้าใส่กางเกงควรเป็นกางเกงผ้าสีดำ เทา หรือน้ำตาล ห้ามใส่กาเกงยีนส์
11. ชุดว่ายน้ำ และชุดออกกำลังกาย
12. ชุดที่ใช้ใส่ไปงานปาร์ตี้เพื่ออำลาก่อนกลับเมืองไทย 
13. ปิ่นโต และขวดน้ำ ใช้ห่อข้าวไปทำงาน ทั้งนี้เพื่อความประหยัด (อาหารที่สวนสนุกดิสนีย์แพงมาก)
14. ของที่ระลึกจากเมืองไทย เพื่อแจกเพื่อนต่างๆ ชาติ และเจ้านายก่อนกลับเมืองไทย
15. กระเป๋าเดินทางพร้อมป้ายชื่อกำกับ 2 ใบ และกระเป๋าเป้หนึ่งใบ
16. อุปกรณ์เครื่องเขียนพร้อมสมุดบันทึก 
17. Laptop (ถ้ามี) เพื่อใช้เล่นอินเตอร์ในยามว่าง และรับข่าวสารจากดิสนีย์ทางอีเมลล์ (E-mail)
18. แว่นตากันแดด หมวก และครีมกันแดด
19. บัตรโทรศัพท์กลับเมืองไทย สามารถซื้อได้ที่ไปรษณีย์ไทย 
20. DVD เพลง ภาพยนตร์ และละคร เพื่อใช้ดูในวันหยุดพักผ่อน 
21. กรรไกรตัดเล็บ การทำงานที่ดิสนีย์ การแต่งกายต้องสะอาดเรียบร้อย และห้ามไว้เล็บยาว
22. กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวีดีโอเพื่อบันทึกความทรงจำดีๆ 
23. ปลั๊กแปลงไฟ 

ชีวิตความเป็นอยู่และการทำงานที่ Walt Disney World Resort 


จะขอเล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวในการเข้าร่วมโครงการเมื่อปี 2009 ตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเข้าประเทศอเมริกา จนถึงวันสุดท้ายในการเข้าร่วมโครงการ แต่ละวันมีเรื่องใหม่ๆ และสนุกสนาน พร้อมกับสิ่งดีที่ได้เรียนรู้ 

ก้าวแรกที่เดินลงจากเครื่่องบิน ก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นรอคอย นั่นก็คือ การตอบคำถามด่านตรวจคนเข้าเมือง  อันนี้ไม่ยากมาก เราต้องใจเย็นๆ ไม่ตื่นเต้น แต่งกายให้เรียบร้อย ดูน่าเชื่อถือ ยิ้มแย้มแจ่มใส ตั้งฟังคำถาม และค่อยๆ ตอบ หากไม่เข้าใจคำถาม ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ถามใหม่ หรืออธิบายอีกครั้ง คำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกี่ยวกับว่าเรามาทำอะไร อยู่กี่วัน อยู่ที่ไหน กลับเมื่อไหร่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจหนังสือเดินทาง วีซ่า และเอกสารการรับรองจากดิสนีย์ สุดท้ายเป็นการถ่ายรูป เราไม่ต้องเครียดมาก สามารถยิ้มได้ เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้ว หากเดินทางพร้อมหมู่คณะจากเมืองไทย ก็เดินรวมตัวกันไปขึ้นรถของดิสนีย์ที่มารอรับ 

จากนั้นรถบัสจะพาไปที่หมู่บ้านของดิสนีย์ ซึ่งบ้านพักของดิสนีย์จะมีหลากหลายหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ของดิสนีย์จะเป็นคนเลือกหมู่บ้าน และจัดห้องพักให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ โดยส่วนใหญ่เราก็จะได้พักอยู่กับคนไทยด้วยกัน แต่ข้างๆ ห้องอาจเป็นเพื่อนๆ จากชาติอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งมาจากหลากหลายที่ทั่วโลก เช่น ไต้หวัน, จีน, เวียดนาม, เกาหลี, ญี่ปุ่น, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เปรู, ชิลี, และเม็กซิโก เป็นต้น 

ในหมู่บ้านก็จะมีการแบ่งโซนที่พัก คนที่อายุ 21 ปีขึ้นไป กับอายุต่ำกว่านั้น ทั้งนี้เป็นเรื่องของกฏหมายเรืองการดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ คือ ห้ามคนที่อายุต่ำกว่า 21 ปี ซื้อและดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ ดังนั้นทางดิสนีย์จึงจัดที่พักแยก ซึ่งเรื่องกฏระเบียบการพักนั้นเจ้าหน้าที่ของดิสนีย์จะเป็นคนอธิบายเมื่อเราเดินทางไปถึงหมู่บ้าน และจะมีหนังสือแนะนำที่พัก การใช้ชีวิตที่ดิสนีย์ แนะนำการใช้รถบัสเพื่อไปทำงานพร้อมตารางเวลารสบัส และกฏระเบียบแจกให้ก่อนเข้าห้องพัก กฏระเบียบหลักๆ ก็จะมีเรื่อง การแสดงบัตรประจำตัวก่อนเข้าหมู่บ้าน, ห้ามพาคนนอกเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน, หากต้องการนำเพื่อนมาเที่ยวที่หมู่บ้านต้องมีการแสดงบัตร และมีเจ้าบ้านมารับ และมาส่งก่อนเที่ยงคืน, ห้ามทำความสกปรกเสียหายในห้องพัก ซึ่งจะมีการตรวจสอบความสะอาดเรียบร้อยเกือบทุกอาทิตย์ และห้ามดื่มเหล้าสูบบุหรี่


ก่อนเข้าห้องพักเจ้าหน้าที่ก็จะพาชมรอบๆ หมู่บ้าน ซึ่งจะมีสระว่ายน้ำ และฟิตเนสให้ใช้บริการได้ฟรี นอกจากนี้ก็จะมีตู้เอทีเอ็ม กล่องรับจดหมายและพัสดุ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ให้คำแนะนำเรื่องการรับส่ง พัสดุ และจดหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะมอบกุญแจห้องพัก และพาไปส่งที่ห้อง พร้อมแนะนำการใช้อุปกรณ์เครื่องครัว เตาไฟฟ้า การใช้โทรศัพท์ และการติดตั้งอินเตอร์เน็ต โดยที่พักนั้นจะเป็นอพาร์ทเมนต์ที่สะอาด สวยงาม และเป็นระเบียบ ในหนึ่งห้องจะประกอบไปด้วย หนี่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น สามห้องนอนมีห้องน้ำในตัว หนึ่งห้องมีสองเตียง ดังนั้นในหนึ่งอพาร์ทเมนต์ก็จะพักด้วยกันหกคน 

มาถึงวันแรกนั้น เรายังไม่ต้องทำอะไรมาก ก็สามารถจัดห้องพัก เก็บของเข้าตู้ และพักผ่อนได้เต็มที่ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ จดบันทึกของที่ต้องซื้อ เช่น ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม น้ำยาซักผ้า เครื่องสำอาง สบู่ ยาสีฟัน แชมพู และรองเท้าทำงาน เป็นต้น เพราะวันต่อมาจะมีรถมารับไปซื้อของที่ Walmart และ Publix

เช้าวันต่อมา ผู้ร่วมโครงการทุกคนต้องมารวมตัวกันที่ห้องประชุม การแต่งกายนั้นต้องสุภาพเรียบร้อยเป็นทางการ ห้ามใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ควรเป็นเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว หรือผู้หญิงอาจใส่กระโปรง สวมถุงน่อง ส่วนรองเท้านั้นต้องเป็นรองเท้าหุ้มส้น เสื้อผ้าควรเป็นสีสุภาพ เมื่อถึงห้องประชุมก็จะมีการแนะนำโครงการ แนะนำการทำงาน เปิดบัญชีธนาคาร กรอกเอกสารเพื่อทำ Social Security Card จากนั้นภาคบ่ายจะเป็นการทำบัตรประจำตัวเพื่อเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจะมีการถ่ายรูป ดังนั้นวันนี้ต้องดูดีเป็นพิเศษ นอกจากนี้ก็จะมีบอกสถานที่ทำงาน ซึ่งเจ้าหน้าจากดิสนีย์จะเป็นคนเลือกให้ และนัดหมายการอบรมก่อนการปฏิบัติงาน 

วันต่อมาทุกคนต้องเดินทางไปที่ Disney University เพื่อรับฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ  Walt ผู้ก่อตั้งสวนสนุกดิสนีย์ และเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสวนสนุกดิสนีย์ จากนั้นในภาคบ่ายแต่ละคนแยกตามต่ำแหน่งงานเพื่อเรียนรู้การทำงาน  ทุกคนต้องฝึกงานก่อนทำงานจริงประมาณหนี่งอาทิตย์ 

การฝึกงานจะมีการเรียนรู้เรื่องวิธีการทำงาน กฏระเบียบของดิสนีย์ การแต่งกาย การบริการลูกค้า การช่วยเหลือลูกค้า และการแก้ไขปัญหาในการทำงาน มีทั้งการเรียนรู้ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ หลังจากที่เรียนรู้ก็จะมีการทดสอบ หากไม่ผ่านก็จะต้องสอบใหม่ หลังจากที่ผ่านแล้วก็เริ่มทำงาน โดยหนึ่งอาทิตย์ทำงานห้าวัน หยุดสองวัน เวลาทำงานจะแตกต่างกันออกไป อาจได้ภาคเช้า หรือภาคบ่าย ซึ่งไม่สามารถกำหนดได้ ตารางการทำงานจะออกมาเป็นสัปดาห์ โดยดิสนีย์เป็นผู้จัดตารางการทำงานให้ หากต้องการเปลี่ยนแปลง หรือต้องการวันหยุดที่ไม่ตรงตามตารางก็สามารถแลกเปลี่ยนกับเพื่อนที่ร่วมงานได้ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มชั่วโมงการทำงาน สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ และรับ Shift เพิ่ม หรือรับ Shift จากเพื่อนร่วมงาน 



ในวันหยุดพักผ่อนนั้นขอแนะนำว่าควรเที่ยวให้ทั่วสวนสนุกดิสนีย์ทั้ง 4 Park เริ่มจาก Magic Kingdom ไม่ควรพลาดนั่งรถไฟชมรอบสวน ชมขบวนพาเหรดตัวการ์ตูน เยี่ยมบ้าน Mickey Mouse เล่น Splash Mountain, Space Mountain และ Thunder Mountain กินไอศรีมแสนอร่อยที่ Ice cream corner ส่วนตอนกลางคืนควรไปชมพลุที่ปราสาท Cinderella Castle มาต่อที่ Epcot สวนสนุกแห่งโลกอนาคต มีเครื่องเล่นที่น่าสนใจคือ Soarin และ Test Track นอกจากนี้สามารถชมสวนนานชาติ ซึ่งมีการจัดแสดงวัฒนธรรมจากหลากหลายประเทศทั่วมุมโลก และตอนกลางคืนก็มีพลุให้ชมเช่นกัน จากนั้นไปที่ Animal Kingdom มีสัตว์ป่าให้ชมมากมาย และโชว์ต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น Lion King, Bug life และ Bird Show ส่วนเครื่องเล่นที่พลาดไม่ได้ คือ Everest สุดท้ายมาที่ Hollywood Studio มีสิ่งที่น่าสนใจให้ชมมากมาย เช่น Muppet show, American Idol เป็นต้น ส่วนเครื่องเล่นที่น่าสนใจ คือ Tower of Terror, Toy Story Mania และ Rock and Roll Coaster 


การท่องเที่ยวนั้นอาจไปคนเดียวก็สนุกได้ หรือไปกับเพื่อนรวมโครงการ เพื่อนร่วมงานก็จะสนุกมากยิ่งขึ้น หากใครมีญาติมาเยี่ยมที่อเมริกาก็สามารถพาญาติเข้ามาเที่ยวได้ฟรี เนื่องจากผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับบัตรฟรีจำนวน 12 ครั้งเพื่อให้ญาติหรือเพื่อนๆ มาท่องเที่ยวที่ดิสนีย์ ส่วนผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเข้าฟรีได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง  นอกจากนี้ควรหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนคลายร้อนที่สวนน้ำของดิสนีย์ ได้แก่ Typhoon Lagoon และ Blizzard beach และไม่ควรลืมแวะเวียนไปเที่ยวซื้อของที่ Downtown Disney

เที่ยวดิสนีย์กันจนอิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็ถึงเวลาทัวร์รอบๆ Orlando โดยสามารถนั่งรถซึ่งจะมีสถานนีอยู่ที่ Outlet ใกล้ๆ กับหมู่บ้านดิสนีย์ สถานที่ที่น่าสนใจที่ทุกๆ คนไม่ควรพลาด ได้แก่ Sea World, Aquatica และ Universal Studios ถ้าหากอยากซื้อของใช้และเสื้อผ้าถูกๆ ก็สามารถไปซื้อได้ที่ Ross และ Dollar Tree

บางอาทิตย์อาจพักอยู่บ้าน โดยการอ่านหนังสือ ฟังเพลง ว่ายน้ำ ออกกำลังกายที่ฟิตเนส หรืออาจชวนเพื่อนรวมงานจากหลากหลายชาติมารวมตัวกันทำอาหาร ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ลิ้มลองอาหารต่างชาติจากฝีมือต้นตำรับตัวจริง

เกือบทุกอาทิตย์ ที่หมู่บ้านดิสนีย์ก็จะมีการจัดกิจกรรมที่สนุกสนาน โดยจะมีประกาศติดไว้หน้าหมู่บ้าน เช่น การจัดปาร์ตี้ จัดกิจกรรมตามเทศกาลของอเมริกา เช่น อีสเตอร์ เป็นต้น การพาเที่ยวทะเล การพาชมรอบเมือง Orlando หากมีเวลาว่าง ก็ไม่ควรพลาดเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อความสนุกสนาน ผ่อนคลาย และพบเจอเพื่อนใหม่


ก่อนจบโครงการทางดิสนีย์จะมีการจัดปาร์ตี้ให้ทุกคนๆ ได้สนุกสนานร่วมกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นปาร์ตี้ที่ใหญ่มาก โดยผู้เข้าร่วมโครงการที่มีกำหนดสิ้นสุดโครงการใกล้ๆ กันก็จะมาปาร์ตี้ร่วมกัน นอกจากนี้ก็จะมีการจัดงานมอบใบประกาศเข้าร่วมโครงการ 

สิ่งที่ไม่ควรลืม คือ ขอใบรับรองการทำงานและประเมินผลการทำงานจากเจ้านาย ทั้งนี้เพื่อใช้ในการอ้างอิงการทำงานในอนาคต และอย่าลืมแวะไปซื้อหมวกมิกกี้เมาส์ พร้อมปักชื่อหลังหมวกเป็นที่ระลึก

สิทธิพิเศษที่ได้รับ

1. สามารถลงสมัครเรียนในคอร์สเรียนต่างๆ ของ Disney ได้ (ไม่บังคับ)
2. มีชุดทำงาน พร้อมซักรีด (ไม่รวมรองเท้า)
3. สามารถเข้าชมและเที่ยวสวนสนุกของ Walt Disney World ได้ฟรี (ยกเว้นสวนน้ำ)
4. มีรถรับส่งจากที่ทำงานและที่พัก
5. มีส่วนลด 20% จากร้านอาหารและร้านค้าใน Walt Disney World

สิ่งที่ได้รับ

1. ได้ทำงานกับบริษัทระดับโลกอย่าง Walt Disney World ซึ่งการทำงานมีคุณภาพ มาตราฐาน เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือ ทำให้ได้ฝึกพัฒนาตนเองในหลายๆ ด้าน เช่น การตรงต่อเวลา การมีระเบียบวินัยในการทำงาน ความรับผิดชอบ การทำงานเป็นทีม การรู้จักพัฒนาตัวเอง พัฒนางานอยู่ตลอดเวลา การรักษาความสะอาดในการทำงาน การฝึกฝนการสื่อสารและให้บริการที่ดี การเรียนรู้ ยอมรับในความแตกต่าง ทั้งเรื่องเชื้อชาติและวัฒนธรรม และได้ฝึกความกล้าแสดงออก มีความมั่นใจในการทำงาน
2. ได้ฝึกการทำงานกับชาวต่างชาติ จากหลายๆ ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, เปรู, ชิลี, อังกฤษ, และนิวซีแลนด์ เป็นต้น 
3. ได้ฝึกทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ
4. ได้ฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการทำงาน
5. ได้ฝึกใช้ชีวิตในต่างประเทศ และได้ฝึกช่วยเหลือตัวเอง 
6. ได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอเมริกา และเพื่อนๆ จากต่างชาติที่เข้าร่วมโครงการ
7. ได้ท่องเที่ยวพักผ่อนในสวนสนุกดิสนีย์ และสถานที่อื่นๆ ในเมือง Orlando
8. ได้เรียนรู้และรู้จักประวัติของ Walt Disney ร่วมถึงได้เรียนรู้ปรัชญาในการทำงาน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ในการทำงาน และการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี
9. ได้ประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตในต่างแดน
10. ได้เพื่อนใหม่ชาวไทยและชาวต่างชาติ มิตรภาพที่ดี ความทรงจำที่สวยงาม


หากสนใจเรียนต่อมหาวิทยาลัยระดับโลก University of Central Florida, Rosen College of Hospitality Management พร้อมฝึกงานกับองค์กรระดับโลกอย่าง Walt Disney World, Florida เป็นเวลา 6 เดือน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติม

โรงเรียนภาษาอังกฤษ ลอนดอนเฮ้าส์
74/2 ถ. เวียงแก้ว ต. ศรีภูมิ อ. เมือง จ. เชียงใหม่
โทร: 053-416374
แฟ็กซ์ : 053 416003
Email: info@londonhouse-cm.com
Website: www.londonhouse-cm.com

Facebook: Thaiicp Disneyalumni and Thai Disneyicp