แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรียนภาษาอังกฤษ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรียนภาษาอังกฤษ แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรียนภาษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ต่างประเทศกับ YES

การศึกษาในต่างประเทศ และใช้ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลานั้นจะช่วยเพิ่มพูนทักษะความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาให้ดียิ่งขึ้น Youth Exchange Scholarship (YES) ได้จัด "โครงการศึกษาภาษาและวัฒนธรรม YES" เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีอายุระหว่าง 15 – 18 ปี ได้เรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษและการใช้ชีวิตในต่างแดน กับหลากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ เป็นต้น โดยองค์กรจะจัดหาโรงเรียนรัฐบาลระดับ High School ในท้องถิ่น และครอบครัวอุปถัมภ์ที่ได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี 



YES เป็นองค์กรในไทยที่ดำเนินการคัดเลือกและเป็นผู้ประสานงานในการดูแลนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ โดยได้รับการรับรองมาตราฐานและยอมรับให้เป็นสมาชิกของ CSIET (Council on Standard for International Educational Travel) ซึ่งเป็นสมาพันธ์ที่ตรวจสอบมาตราฐานของสมาชิกองค์กรแลกเปลี่ยนทั่วโลก เมื่อนักเรียนได้รับการตอบรับจากองค์กรต่างประเทศ จากนั้นจะดำเนินการออกเอกสารรับรองของประเทศนั้นๆ เพื่อใช้ประกอบในการยื่นขอวีซ่า (VISA) ที่สถานทูต


คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

1. มีสัญชาติไทยและกำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 - 5 หรือเทียบเท่า
2. มีสถานภาพเป็นนักเรียนในสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองในขณะเข้าร่วมโครงการฯ
อายุ 15 ปีบริบูรณ์ และ ไม่เกิน 18.5 ปีบริบูรณ์ในวันเดินทาง
3. มีผลการเรียนเฉลี่ย 2.75 ขึ้นไป ไม่มีเกรด 1 หรือ 0 ในผลการเรียน 3 ปีล่าสุด (กรณีมีเกรด 1, 1.5 หรือ 0 ในรายวิชาใดก็ตามนักเรียนจะถูกตอบรับเข้าร่วมโครงการ แบบมีเงื่อนไข**ทันที)
4. มีความประพฤติดี มีทัศนคติที่ดี มีความรับผิดชอบ และสามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี 

5. สุขภาพร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว หรือโรคอื่นๆ
6. มีสุขภาพจิตที่ดี สภาวะทางอารมณ์และจิตใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เคร่งครัด และอดทนต่อความกดดันต่างๆ ได้
7. สำหรับนักเรียนที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้เฉพาะแอฟริกาใต้ และเยอรมันเท่านั้น
8. กรณีที่เรียนอยู่ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สามารถเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้เฉพาะแอฟริกาใต้ บราซิล โปรตุเกส เม็กซิโก ฟินแลนด์และอิตาลีเท่านั้น


หมายเหตุ: 
1. นักเรียนที่มีคุณสมบัติไม่ครบตามที่กำหนด (ข้อ 1-8) สามารถสมัครเพื่อทดสอบวัดผลเท่านั้น
2. **การเข้าร่วมโครงการแบบมีเงื่อนไข หมายถึง นักเรียนที่ขาดคุณสมบัติตามข้อ 3 สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการและดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนปกติ แต่การตอบรับนักเรียนอย่างเป็นทางการจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจขององค์กรในต่างประเทศจะเป็นผู้พิจารณาตอบรับนักเรียนเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนปกติหรือโครงการ Full Fee Paying**

การมอบทุน

1. ทุนยุวทูต "YES" หมายถึง นักเรียนที่ผ่านการสอบ และได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการให้ได้รับทุนการศึกษา เต็มจำนวน ประมาณ 7,500 USD โดยผู้ปกครองไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายสมทบอีก ทุนการศึกษาประเภทนี้มอบให้แก่เยาวชน จากทั่วประเทศทุกปีๆ ละ 3 ทุน และเรียนในประเทศสหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ และเยอรมัน เท่านั้น
2. ทุนนักเรียนดีเด่น "YES" หมายถึงนักเรียนที่มีผลคะแนนสอบดีเด่น และมีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการพิจารณาแล้ว มีมูลค่าทุนละ 30,000 บาท จำนวน 7 ทุน โดยผู้ปกครองต้องชำระเงินสมทบทุนบางส่วน และเรียนในประเทศสหรัฐ อเมริกา แอฟริกาใต้ และเยอรมัน เท่านั้น
3. ทุนบุตรครู "YES" หมายถึง นักเรียนซึ่งเป็นบุตร-ธิดา ผู้ประสาน YES อาสา YES ครู-อาจารย์ ข้าราชการ ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และทบวงมหาวิทยาลัย สอบผ่านเกณฑ์การคัดเลือกให้ได้รับทุน มีมูลค่าทุนละ 30,000 บาท จำนวน 30 ทุนเท่านั้น โดยผู้ปกครองต้องชำระเงินสมทบทุนบางส่วน และเรียนในประเทศ สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ และเยอรมัน เท่านั้น
4. ทุนศึกษาภาษาและวัฒนธรรม "YES" หมายถึง นักเรียนที่มีผลสอบผ่านเกณฑ์การคัดเลือก โดยผู้ปกครองต้องชำระเงินสมทบทุนบางส่วน (ซึ่งยังไม่รวมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ) และทุนประเภทนี้สามารถเลือกเรียนได้หลายประเทศ


การรับสมัคร

1. สมัครออนไลน์ สอบที่สำนักงาน YES (สมัคร ที่นี่)
- บัตรประจำตัวนักเรียน / บัตรประชาชน
- ใบสลิป PAY-IN ค่าสมัครสอบ

- ดินสอบ 2B ยางลบ และปากกา
2. สมัครและสอบผ่านศูนย์ประสานงานต่างๆ (ดูรายชื่อศูนย์ประสานงาน ที่นี่)
- ใช้บัตรประจำตัวนักเรียน / บัตรประชาชน เท่านั้น
- ดินสอบ 2B ยางลบ และปากกา

กำหนดการรับสมัคร (จัดสอบปีละ 1 ครั้ง)

1. เปิดรับสมัครช่วงมกราคม จนถึงมีนาคม
2. สอบคัดเลือกกรกฏาคม จนถึงมิถุนายน (ตัวอย่างข้อสอบ ที่นี่)
3. เดินทางกุมภาพันธ์ สิงหาคม กันยายน หรือตุลคมของปีถัดไป (แล้วแต่ประเทศ)

ระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการ 

1 ปีการศึกษา ประมาณ 8-11 เดือน 

เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อเข้าร่วมโครงการ

1. ทรานสคริปต์ (Transcript) ย้อนหลัง 3 ปี โดยออกเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมตราประทับของโรงเรียน
2. รูปถ่ายสี ขนาด 2.5 X 2.5 นิ้ว จำนวน 10 รูป
3. ประวัติการฉีดวัคซีนทั้งหมด
4. บัญชีธนาคา (Bank Statement) ที่มีการเคลื่อนไหวไม่น้อยกว่า 6 เดือน และแสดงยอดเงินไม่น้อยกว่า 300,000 บาท เพื่อใช้ในการประกอบยื่นขอวีซ่า
5. เอกสารการสมัคร พร้อมประวัติส่วนตัวของผู้สมัครโดยละเอียด
6. จดหมายถึง Host Family 

สิ่งที่โครงการมอบให้

1. ยุวทูตจะได้รับ กระเป๋าและเสื้อ YES พร้อมทั้งคู่มือการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน และข้อมูลประเทศต่างๆ ทั่วโลก
2. YES จัดปฐมนิเทศและ Workshop (กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ) สำหรับยุวทูต YES ทั้งก่อนเดินทางและหลังเดินทางดังนี้คือ ปฐมนิเทศลงทะเบียน / YES Day Camp อบรมภาษาอังกฤษเข้มข้น 6 วัน (ไป-กลับ) / เข้าค่ายภาษาอังกฤษ 2 คืน 3 วัน ในเมืองไทยเพื่อเตรียมความพร้อม / ปฐมนิเทศก่อนเดินทาง และปัจฉิิมนิเทศ
3. ช่วยเหลือในการยื่นวีซ่านักเรียน จัดหาตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด และจัดเจ้าหน้าที่จัดส่งยุวทูตที่สนามบิน
4. จัดส่ง YES NEWS LETTER ประจำเดือนทางอีเมล์
5. ช่วยเหลือและแนะนำยุวทูตเมื่อเดินทางเดินทางกลับในการขอเทียบชั้นเรียน ตามดุลยพินิจของสถานศึกษา และหลักเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการ
6. ยุวทูตเข้าร่วมพิธีปัจฉิมนิเทศเพื่อรับมอบประกาษนียบัตร YES ที่สำเร็จในโครงการ และแนะนำการใช้ชีวิตต่อไป

สิ่งที่องค์กรในต่างประเทศมอบให้

1. ออกเอกสารสำคัญ เพื่อรับรองการยื่นวีซ่านักเรียน
2. ยุวทูตได้รับการตอบรับเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาล หรือเอกชนที่มีคุณภาพ (กรณีเป็นโรงเรียนเอกชนอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น)
3. พำนักอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ที่ดูแลยุวทูต YES เสมือนสมาชิกคนหนึงในครอบครัว
4. ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนศึกษาภาษา และวัฒนธรรมตามกิจกรรมของผู้ดูแลท้องถิ่นเป็นผู้จัด
5. มีเจ้าหน้าที่ปรึกษาประจำท้องถิ่นคอยประสานงาน และให้ความช่วยเหลือนักเรียนตลอดระยะเวลาของโครงการ
6. จัดหาประกันอุบัติเหตุในระหว่างเดินทาง และประกันสุขภาพตลอดระยะเวลาโครงการ
7. มีเจ้าหน้าที่รับ-ส่ง ยุวทูตที่สนามบิน (ในบางกรณีอาจเป็นครอบครัวอาสาสมัคร)
8. จัด Arrival Orientation โดยเจ้าหน้าที่ปรึกษานักเรียนประจำท้องถิ่น ภายใน 3 สัปดาห์ที่นักเรียนเดินทางไปถึง (เฉพาะบางประเทศเท่านั้น) 


สำหรับคนที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ ที่นี่ และเรียนรู้ประสบการณ์การใช้ชีวิตต่างแดนของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้ ที่นี่

ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติม

Youth Exchange Scholarship (YES)
อาคารยุวทูต (YES) ชั้น 2 เลขที่ 9/19
หมู่ 9 ถ.คลองลำเจียก แขวงคลองกุ่ม
เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ 10230
โทรศัพท์: 0 2508 0099 
โทรสาร: 0 2943 9570-1


ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก www.yesthailand.org

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

แบกเป้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ "อินเดีย" (Study English in India)

นอกจากการพูด เขียน อ่านภาษาไทย และใช้ให้ถูกต้องแล้ว การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศก็สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากลที่ใช้สื่อสารทั่วโลก หากเราสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแล้ว ก็ช่วยให้เราเรียนรู้ เข้าใจโลกได้มากขึ้น สามารถเดินทาง ท่องเที่ยวเปิดหู เปิดตา และทำงานต่างประเทศได้อีกด้วย ซึ่งทำให้เห็นสิ่งแปลกใหม่ๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างในต่างประเทศ และได้รู้จัก พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนต่างชาติ


จริงๆ แล้วเราสามารถเรียนภาษาอังกฤษ และพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ด้วยตนเอง หรือเรียนกับอาจารย์ชาวต่างชาติที่เข้ามาสอนในประเทศไทย แต่บางครั้งการเรียนในประเทศ เราอาจได้แค่เรียน แต่ไม่ค่อยได้ใช้จริง เพราะแวดล้อมไปด้วยคนไทย ดังนั้นหลายคนจึงเลือกไปเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศ เพราะนอกจากได้เรียนแล้ว ยังได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ได้ท่องเที่ยว และฝึกใช้ชีวิตในต่างแดน แต่ปัญหาก็คือ ค่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่แพงมาก หากเลือกไปเรียนในประเทศ อเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ หรือออสเตรเลีย 

แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง หมดความตั้งใจ เราสามารถไปเรียนภาษาอังกฤษที่ "อินเดีย" ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากเมืองไทย คนไทยส่วนใหญ่นิยมไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองบังกาลอร์ ซึ่งเป็นเมืองที่พูดภาษาอังกฤษมากที่สุดในประเทศอินเดีย และค่าใช้จ่ายพอๆ กับเรียนที่เมืองไทย  ค่าเรียนประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อเดือน แต่เรามีโอกาสได้ท่องเที่ยวสถานที่สำคัญในอินเดีย เช่น ทัชมาฮาล หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก พุทธคยา สถานที่ที่เชื่อกันว่าเป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ชัยปุระ นครแห่งชัยชนะ และแคชเมียร์ ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์ในดินแดนภารตะ เป็นต้น  นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมอินเดีย พบเพื่อนชาวต่างชาติ ฝึกใช้ชีวิตในต่างแดน ได้เรียนรู้การแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือตัวเอง ที่สำคัญได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร  

หากใครที่สนใจอยากไปเรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย สิ่งที่ต้องเริ่มทำเลยคือ ค้นหาตัวเองว่าทักษะภาษาอังกฤษอยู่ในระดับไหน ต้องพัฒนาด้านใด และเรียนคอร์สใด เช่น Intensive, IELTS, TOEFL, Writing, Reading, Grammar, English for business เป็นต้น นอกนี้ควรถามตัวเองว่าอยากเรียน   ระยะเวลากี่เดือน และจะนำภาษาอังกฤษไปใช้ในด้านใด เพราะถ้าเรียนแล้วไม่ได้ใช้ ก็จะเสียค่าเรียนไปเปล่าๆ 

หากยังไม่รู้ว่าทักษะภาษาอังกฤษของเราอยู่ในระดับใด แนะนำให้ซื้อมาแบบทดสอบมาลองทำดู หรือลองไปสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ก็จะทำให้รู้ว่าควรพัฒนาตัวเองด้านใด หรือเรียนคอร์สไหนเพิ่มเติม

จากนั้นเริ่มหาข้อมูลที่เรียน คอร์สเรียนที่สถาบันนำเสนอ เปรียบเทียบราคา วิธีการสอน ผู้สอน คุณภาพ ความน่าเชื่อถือของสถาบัน  โดยสอบถามเพื่อนที่เคยไปเรียนมาแล้ว ใน ชุมชนคนไทยในอินเดีย มีการจัดโครงการ แบกเป้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย โครงการนี้น่าสนใจไม่น้อย คือ เป็นโครงการที่จัดโดยคนไทยที่เคยไปเรียนที่อินเดียมาก่อน ซึ่งสามารถช่วยแนะนำในการหาข้อมูลที่เรียน การใช้ชีวิตในอินเดีย ให้คำปรึกษาเรื่องวีซ่า การเดินทาง และการซื้อตั๋วเครื่องบิน พร้อมติดต่อประสานงานเรื่องที่พัก และรับส่งที่สนามบิน ทำให้เราสามารถไปเรียนภาษาอังกฤษที่อินเดียได้อย่างมั่นใจ 

เมื่อรู้แล้วว่าจะเรียนภาษาอังกฤษคอร์สใด และจะเรียนที่ไหน จากนั้นเริ่มเก็บเงินค่าเรียน ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายที่อยู่ ที่พัก ค่าอาหาร และท่องเที่ยว ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ดังนี้

1. ค่าตั๋วเครื่องบิน ไปกลับประมาณ 10,000 - 22,000 บาท 
2. ค่าทำวีซ่าอินเดีย ประมาณ 1,700 บาท 
3. ค่าเรียน 3,000-5,000 บาท/เดือน
4. ค่าที่พัก 3,500 บาท/เดือน สำหรับห้องพัก 2 คน และ 6,000/เดือน สำหรับห้องพักคนเดียว 
5. ค่าใช้จ่ายรายเดือน เฉลี่ยประมาณ 3,000-6,000 บาท /เดือน 

ในขณะที่เก็บเงินอยู่นั้น เราก็เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองไปด้วย ทั้งนี้เพื่อสร้างพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษให้ตนเอง เริ่มจากเรื่องสนุกๆ เช่น ฟังเพลงภาษาอังกฤษที่ชอบ จากนั้นลองหาเนื้อเพลงมาแปล ทำให้เราได้คำศัพท์ใหม่ๆ ได้เรียนรู้ไวยากรณ์ หรือว่างๆ เสาร์-อาทิตย์ ลองหานิยาย การ์ตูนภาษาอังกฤษมาอ่าน เริ่มจากเรื่องสั้นๆ ง่ายๆ แล้วค่อยไล่ระดับความยากไปเรื่อยๆ และควรหาภาพยนตร์ต่างประเทศมาดู และทุกๆ เช้าลองฟังข่าวภาษาอังกฤษ ทำบ่อยๆ เราจะรู้สึกว่าเราคุ้นเคยภาษาอังกฤษฟังรู้เรื่องมากขึ้น นอกจากนี้ควรซื้อหนังสือการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมาอ่านเพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเอง และทดลองทำแบบฝึกหัด ทำให้เข้าใจโครงสร้าง ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมากขึ้น หรือเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่นี่ ส่วนเรื่องคำศัพท์ลองเขียนศัพท์ภาษาอังกฤษติดตามสิ่งของในบ้าน เช่น ที่ประตู ก็ติดคำว่า Door หน้าต่างก็ติดคำว่า Window พอเห็นทุกวันก็ทำให้เราจดจำมากขึ้น ถ้าเราทำทั้งหมดเป็นประจำ ระยะเวลาติดต่อกัน ก็ทำให้ทักษะภาษาอังกฤษดีขึ้น เวลาไปเรียนภาษาอังกฤษก็ทำให้เราเรียนเข้าใจได้รวดเร็ว เพราะมีพื้นฐานที่ดีมาก่อน

นอกจากนี้ควรหาข้อมูลการทำวีซ่า (รายละเอียดวีซ่า ที่นี่) ตั๋วเครื่องบิน และข้อมูลเรื่องค่าครองชีพ การกินอยู่ หลับนอน การใช้ชีวิต และสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอินเดีย โดยสามารถอ่านได้จาก www.indiapantip.com หรือซื้อหนังสือท่องเที่ยวอินเดียมาอ่าน และสามารถใช้เป็นไกด์ตอนไปเรียนที่อินเดียได้อีกด้วย 

เมื่อมีข้อมูลมากพอสมควรแล้ว พร้อมเรื่องการเงิน กายพร้อม ใจพร้อมแล้ว ก็หาวันเวลาที่จะเดินทางไปเรียน จากนั้นก็ติดต่อสถาบันที่จะเรียน เริ่มทำวีซ่าและจองตั๋วเครื่องบิน โดยหาตั๋วเครื่องบินถูกๆ ได้ที่งานท่องเที่ยวไทย หรือนิทรรศการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีบริษัทนำเที่ยว สายการบินต่างๆ มาออกงาน พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน หรือหาในอินเตอร์เน็ต ตามเว็บไซต์เอเจนซี่ และเว็บไซต์การท่องเที่ยว โดยมีสายการบินที่น่าสนใจดังนี้ (ข้อมูลจาก: ข้อมูลจากเที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุยอินเดีย)

1. สายการบินไทย (Thai Airways) มีให้บริการ 2 เที่ยวบินต่อวัน ราคาตั๋วเครื่องบินอยู่ที่ประมาณ 9,000-16,000 บาท ซึ่งอาจจะสูงกว่าคู่แข่งพอสมควรแต่บางครั้งก็มีตั๋วราคาพิเศษในราคาประมาณ 12,000 บาท (รวมภาษีทุกอย่างแล้ว) 
2. สายการบินคาเธย์แปซิฟิก(Cathay Pacific Airways) เพิ่งเปิดเที่ยวบินตรง ไปกลับกรุงเทพฯ-เดลี วันละ เที่ยวบิน ราคารวมภาษีแล้วประมาณ 10,000 ต้นๆ เสียแต่ว่าเที่ยวบินขากลับดึกเกินไปหน่อย
3. สายการบินแอร์อินเดีย (Air India) สายการบินแห่งชาติของอินเดีย ให้บริการไป-กลับวันละ เที่ยวเท่านั้น ราคารวมภาษีแล้วประมาณ 10,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
4. สายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) สายการบินโลว์คอสต์ที่เปิดให้บริการบินตรงเฉพาะวันจันทร์, พุธ, ศุกร์และอาทิตย์ แถมมีวันละเที่ยวบินเท่านั้น กระนั้นก็กระตุ้นความน่าสนใจด้วยค่าโดยสารไป-กลับไม่ถึง 10,000 บาท เสียแต่ว่าเที่ยวบินขาไปถึงดึกไปหน่อย

เมื่อได้วีซ่าแล้ว ก็ติดต่อไปทาง "โครงการแบกเป้ไปเรียนภาษาอังกฤษ" ที่อินเดียเพื่อให้ช่วยหาที่พัก และรับที่สนามบิน โดยติดต่อได้ที่ themebox@hotmail.com หรือโทร 080 6 222 707 แจ้งก่อนเดินทางประมาณ 20-30 วัน มีค่าดำเนินการประมาณ 1,500 บาท สุดท้ายก็เก็บกระเป๋า เดินทางไปเรียนและท่องเที่ยวอินเดียด้วยความสนุกสนาน